คลิกที่รูป เพื่อเอาโค้ดรูปนี้ไปแปะ

วันจันทร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2557

                                  
บันทึกการเรียน
Science Experiences Management for Early Childhood
ครูผู้สอน คุณครูจินตนา สุขสำราญ
Go to Class 8:20
Out to Class 12:20                               
 Article

วิทย์-คณิตปฐมวัย สำคัญอย่างไรต่ออนาคตของชาติ?

ขอบคุณข้อมูลภายใต้ความร่วมมือนิตยสารสสวท. กับวิชาการดอทคอม

 
Knowledge
 
เป็นที่รับรู้กันอย่างกว้างขวางว่า การศึกษาปฐมวัย คือ การวางรากฐานการเรียนรู้ให้กับเด็ก เพื่อพัฒนาศักยภาพในการคิด และการเรียนรู้ตลอดชีวิต ดั้งนั้น สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) จึงริเริ่มให้มีโครงการบูรณาการวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยีปฐมวัย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2549 จนถึงวันนี้ ได้นำมาสู่การพัฒนากรอบมาตรฐานการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ปฐมวัยขึ้น
           
             หนึ่งในกิจกรรมคือ การจัดเสวนาในหัวข้อเรื่อง “วิทย์-คณิตปฐมวัย สำคัญอย่างไรต่ออนาคตของชาติ” โดยผู้ทรงคุณวุฒิด้านการศึกษาปฐมวัยและการพัฒนาเด็ก ได้แก่ รศ. ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งอธิการบดี มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิต นายแพทย์ยงยุทธ์ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ ที่ปรึกษากระทรวงสาธารณสุข และผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาการเรียนรู้ อ. ธิดา พิทักษ์สินสุข กรรมการบริหารสมาคมอนุบาลศึกษาแห่งประเทศไทยฯ และ ดร.เขมสิริ ประภามนตรีพงศ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนประภามนตรี เข้าร่วมการเสวนาครั้งนี้


 
รศ ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ เริ่มด้วยภาพกว้างของแนวทางจัดการศึกษาในปัจจุบันว่า ในทางวิทยาศาสตร์เป็นที่ยอมรับว่า การเรียนรู้ในช่วงชีวิต 0-6 ขวบ นั้นจะเป็นตัวกำหนดทุกสิ่งทุกอย่าง มนุษย์แต่ละคนจะโตขึ้นเป็นคนอย่างไรขึ้นอยู่กับช่วงวัยนี้ เพราะเซลล์สมองจะมีการขยายตัวอย่างรวดเร็วเราจึงให้ความสำคัญต่อเด็กในวัยนี้
“คุณภาพของครูเป็นเรื่องที่สำคัญ ครูต้องมีจิตวิญญาณของความเป็นครู ต้องมีโอกาสก้าวหน้า และมีแรงจูงใจให้แก่ครู หลักสูตรต้องเปลี่ยนแปลง คือ 70-30 เปอร์เซ็นต์ระหว่างเล่นและเรียน เด็กปฐมวัยต้องเน้นที่การเล่นมากกว่า ที่สำคัญการปฏิรูปการศึกษาไม่ใช่หน้าที่ของกระทรวงศึกษาธิการอย่างเดียว แต่เป็นหน้าที่ร่วมกันของผู้ปกครองและทุกส่วนในสังคม” ด้านนายแพทย์ยงยุทธ์ วงศ์ภิรมย์ศานต์ ในฐานะจิตแพทย์ พูดถึงพัฒนาการทางสมองของเด็กในการเรียนรู้ วิทย์-คณิตว่า ปัจจุบันเราไม่สามารถแยกหน้าที่ของสมองซ้าย-ขวา ออกจากกันได้ และมีการค้นพบที่ต่างออกไปคือ สมองเด็กมีการพัฒนาจากด้านหลังไปด้านหน้า และกระบวนการทำงานของสมองจะมีการจัดระเบียบใยประสาท และเชื่อมใยประสาทซีกซ้าย-ขวา เข้าหากัน โดยเฉพาะในช่วง อายุ 3-5 ปี ทำให้เกิดความสามารถในการเชื่อมโยงสิ่งต่างๆ เราจึงค้นพบว่าเด็กปฐมวัยสามารถเรียนภาษาพร้อมๆกันได้หลายภาษา ดังนั้น จึงจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการเรียนรู้ปฐมวัย และบูรณาการกิจกรรม ไม่ใช่การแยกกิจกรรม เช่น การใช้ดนตรีในการเรียนรู้คณิตศาสตร์ได้
นพ.ยงยุทธ์ ได้กล่าวถึง วิกฤตที่เกิดขึ้นของเด็กวัยนี้ว่า “การที่เด็กไม่ได้รับการกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้ ทำให้ใยประสาทที่มากเกินไปถูกตัดทิ้ง และหากเกิดการเรียนรู้ หรือกระตุ้นในสิ่งผิดจะทำให้เกิดการเรียนรู้ผิดๆไปด้วย เราค้นพบว่า ถ้าจะแก้ปัญหาไอคิว อีคิว สมาธิสั้น หรือปัญหาอื่นๆที่เกิดกับเด็กปัจจุบัน การแก้ที่ดีที่สุดคือแก้ในช่วงปฐมวัย เพราะสมองเด็กสามารถเปลี่ยนแปลง ชดเชยความผิดพลาดเดิมๆ ได้ดีที่สุด” ส่วน อ.ธิดา พิทักษ์สินสุข พูดถึงการเรียนรู้วิทย์-คณิตของเด็กในช่วงปฐมวัยว่า มีองค์ประกอบอยู่ 3 ส่วน คือ เนื้อหาความรู้ ,กระบวนการ และเจตคติ ในช่วงเริ่มต้นเจตคติเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะการเรียนอะไรด้วยความรักจะนำมาซึ่งความสุข จากนั้นควรมีกระบวนการที่สร้างให้เด็กเป็นนักวิทยาศาสตร์ รู้จักการสืบค้น แต่ปัญหาจากการทำวิจัยเด็กไทยทั่วประเทศ พบว่า ทางด้านสังคมนั้นเด็กไทยปรับตัวได้ดี แต่เรื่องสติปัญญา พื้นฐานด้านคณิต-วิทย์นั้นต้องแก้ไขปรับปรุง ซึ่งสาเหตุใหญ่เกิดจากการเลี้ยงดูในครอบครัวที่ไม่ได้ปลูกฝังให้ใช้เหตุผล โดยยกตัวอย่างว่า เมื่อเด็กหกล้ม พ่อแม่ ผู้ปกครอง ยังใช้วิธีการกล่าวโทษว่าเป็นเพราะพื้นผิวไม่เรียบ แทนที่จะมองว่าเด็กขาดความระมัดระวัง เป็นต้น

           
             สิ่งที่กล่าวมานี้ สอดคล้องกับสิ่งที่นพ.ยงยุทธ์ ได้พูดถึงการเรียนรู้ของสมองว่า สมองจะเรียนรู้จากการได้ลงมือทำจริง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในโรงเรียนอนุบาล หรือศูนย์เด็กเล็กหลายๆแห่งคือ คุณครูให้เด็กทำกิจกรรมในกระดาษ ดังนั้นสิ่งที่ต้องส่งเสริมคือการให้เด็กได้ลงมือทำจริง เขาจะเกิดการเรียนรู้ได้ดีขึ้น คุณครูต้องบูรณาการการเรียนการสอนมากขึ้น มีนวัตกรรมใหม่ๆในการสอน โดยการต่อยอดจาก 6 กิจกรรมหลักที่กำหนดไว้ในการศึกษาปฐมวัย

           
           
  วิทยากรทั้ง 4 ท่านสรุปตรงกันว่า การให้การศึกษาวิทย์-คณิตนั้น เรื่องของกระบวนการเรียนรู้เป็นสิ่งสำคัญกว่าเนื้อหา และแบบฝึกหัด ดังนั้นจึงต้องมีการทำความเข้าใจกับพ่อแม่ ผู้ปกครอง เพราะหลายคนเมื่อส่งลูกเข้าเรียนอนุบาลมักจะคาดหวังว่าลูกจะอ่านออกเขียนได้ ซึ่งเรื่องนี้ ดร.วรากรณ์ เห็นว่า การอ่านออกเขียนได้เป็นสิ่งสำคัญก็จริง เพราะการคิด การอธิบายความจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้ถ้าไม่มีความสามารถทางภาษา แต่ไม่ใช่ในระดับอนุบาล แต่ควรจะเริ่มต้นในประดับประถมศึกษาปีที่ 2 ขึ้นไป            

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น